Mind be better กับภารกิจฮีลใจด้วยดนตรีที่สวยงาม
ถ้าใครติดตามวง
Mind
be better มานานหน่อย คงเคยสัมผัสเพลงหนักๆของพวกเขามาบ้าง
แต่ล่าสุด 5 หนุ่มที่เคยประกาศเจตนารมณ์ว่า "ผลิตงานดนตรี
เพื่อมนุษยชาติ"
ได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนวางเส้นทางดนตรีให้ชัดเจนเพื่อเป็นอัตลักษณ์ของวง
พร้อมปล่อย MV ที่ทำจากซิงเกิ้ล "รู้ดีแก่ใจ"
ที่อัปโหลดให้ฟังในเวอร์ชั่น official audio เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้
ป่าน - ยุทธการ ประชานิมิตชีวิน (ร้องนำ) พูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า "แนวสไตล์ของวง เราตัดสินใจกันแล้วว่าในนาม Mind be better เราจะทำเพลงสไตล์ pop rock ครับ ให้เข้าถึงได้ง่ายที่สุดและดนตรีสวยงามที่สุดเท่าที่เราจะสามารถคิดออกมาได้ ส่วนเพลง rock จัดๆที่เคยทำไว้และลบออกจากช่องยูทูปไป ยังไม่หายไปไหน เราตั้งใจจะแยกเป็นอีกโปรเจ็กต์หนึ่งโดยเราอาจจะใช้นามแผง เนื่องจากเพลงอาจจะเสพยากและเฉพาะทาง โดยเราจะมาไล่ทำใหม่ทั้งหมดหลังจากที่ปล่อยเพลงของ Mind be better ที่ฟังง่ายๆกว่าครบอัลบั้มแรกแล้วครับ"
ด้วยเหตุนี้ช่องทางยูทูป www.youtube.com/@Mind.be.better จึงเหลือเพียง 2 เพลงคือ "หลังเลิกงาน" และ "รู้ดีแก่ใจ" ซึ่งนอกจากพาร์ทดนตรีที่ละเมียดละไมและฟังสบายๆแล้ว ในส่วนของคอนเซ็ปต์เนื้อหา Mind be better ยังเดินตามวัตถุประสงค์ดั่งเดิมของวงคือ ต้องการสร้างเพลงที่ให้พลังใจแก่ผู้ฟัง ฮีลใจในเรื่องต่างๆ หรือค้นหาแง่มุมที่ดีในวันที่ใจคุณมืดมิด โดยรวมคืออยากให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นสมกับชื่อวง Mind be better ที่หมายถึงจิตใจจะดีขึ้น
สำหรับเพลง "หลังเลิกงาน" ถูกเขียนถึงในช่วงที่ป่านทำงานหนักมาก ทั้งงานกลางวันและกลางคืน จึงระบายออกมาเป็นเนื้อเพลง ซึ่งเป็นเพลงให้กำลังใจคนเบิร์นเอ้าท์ "อย่างน้อยที่สุด เราหวังว่าเพลงนี้จะช่วยให้คุณหายเครียดจากงานที่ทำ เราหวังว่าคุณจะยกเรื่องงานไปไว้วันพรุ่งนี้ได้ เพราะตอนนี้ได้เวลาพักผ่อนแล้ว ไปดูซีรี่ย์ เล่นเกม หาอะไรอร่อยๆกิน หลังเลิกงานกันเถอะครับ และขอให้เพลงนี้อยู่เป็นเพื่อนคุณในวันที่มันโคตรเหนื่อย"
ส่วน
"รู้ดีแก่ใจ" ต้องการจะสื่อสารว่า ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะได้สมตามปรารถนา ดังนั้นเมื่อเกิดรักใครสักคน
ขอทำมันให้ดีที่สุด สุดท้ายถ้ามันไปต่อไม่ได้จริงๆ
ก็ขอให้ปล่อยมือกันด้วยความทนุถนอม บาดแผลที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ก็อย่ากลับไปสร้างมันเพิ่มอีก
ให้ลาจากกันโดยยังมีความรู้สึกรักและหวังดีที่แท้จริงต่อกันไม่ว่าในสถานะใดก็ตาม
นั่นคือความสำเร็จแล้ว เพราะบางครั้งความรักจะสำเร็จได้ มันจำเป็นต้องจบลง
เหมือนเป็นเพลงเศร้าแต่ฟังแล้วกลับทำให้มีกำลังใจและลุกขึ้นเพื่อก้าวเดินต่อไปในชีวิต หนึ่งในผู้ฟังได้ระบายความรู้สึกบนช่องคอมเมนต์ว่า "ตอนนั้นคิดดีแล้วที่เลือกแบบนั้น ยอมแหกกฎตัวเองเดินออกมาแม้ว่ายังรู้สึกอยู่ ก็รู้ดีแก่ใจว่ามันยากที่ไปต่อได้ คงไม่ขอแก้ตัวอะไรแล้วล่ะ ขอบคุณเพลงนี้ที่ช่วยระบาย รักและความหวังอยู่เสมอตามเพลงเลย (TwT)"
เบื้องหลัง
MV
"รู้ดีแก่ใจ" มีความพิเศษคือ เป็นผลงานของนิสิตชั้นปีที่
4 หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการผลิตสื่อและวัฒนธรรมสร้างสรรค์
คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา ที่สร้างสรรค์ผ่านโครงการ #ขอCultจัด Season 2 ในรายวิชา
77140162 ซึ่งมุ่งส่งเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่การเจรจาธุรกิจกับลูกค้า
ไปจนถึงกระบวนการผลิตงานให้มีคุณภาพ และฝึกการบริหารจัดการธุรกิจ
ในส่วนของนักแสดงมีแค่ 2 คน แต่ทำเป็นมืออาชีพมาก มีการคัดเลือกเข้ามาผ่านกระบวนการ casting โดยประกาศรับสมัครผู้สนใจตั้งแต่กลางสิงหาคม กำหนดเวลาถ่ายทำชัดเจน 16-17 กันยายน ซึ่งระหว่างนี้ต้องเข้าอบรมกับ acting coach อีก ขณะที่ทีมงานเบื้องหลังมีนับสิบชีวิตรวมถึงตำแหน่งใหญ่อย่าง Executive Producer, Producer/Writer และ Director ถือว่าการทำ MV ของ Mind be better ครั้งนี้ได้สร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีเยี่ยมให้กับน้องๆนิสิตกลุ่มหนึ่งก่อนออกไปเผชิญกับชีวิตนอกรรั้วมหาวิทยาลัยในอนาคตอันใกล้
ป่านเสริมรายละเอียดการผลิต MV ว่า "ใช้การเล่าเรื่องให้แย่และเหงากว่าการนอกใจกันธรรมดา แต่เป็นการไม่มีอยู่จริงเลย โดยสังเกตุจากประโยคท่อนฮุค เหมือนกันทุกท่อน ตอนแรกคำว่าเรามีสองคน แต่ฮุคสุดท้ายสื่อถึงเราคนเดียว ทำให้คนดูได้สัมผัสถึงความเศร้าความเหงาความน่าสงสารของพระเอก"
Mind be better ใช้เวลาทำเพลงนี้เกือบหนึ่งปี "การเขียนเพลงใช้เวลาประมานไม่เกิน 1 เดือนจึงเสร็จสมบูรณ์ ไม่ได้มีการเค้น เร่ง หรือหาข้อมูลใดๆ ผมคิดคำต้นมาได้ว่า รู้ดีแก่ใจแล้วที่เดินออกมา แม้เสียเวลาเนิ่นนานเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็ตัน ผมก็จบวันนั้นแล้วใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ท่อนต่อไปมันก็ผุดขึ้นมาเอง เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนจบเพลงครับ ส่วนพาร์ทดนตรีทั้งหมด เราซ้อมกันทุกวันศุกร์ เริ่มทำเพลงนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 มาจบ Master ตอนเดือนสิงหาคม 2023 ก็ประมานเกือบปีครับ"
Mind be better เป็นวงที่ใส่ใจรายละเอียดของพาร์ทดนตรีมาก สมาชิกทุกคนมีส่วนออกไอเดียเพื่อให้เสียงจากเครื่องดนตรีทุกชิ้นช่วยเยียวยาจิตใจของผู้ฟังได้ไม่แพ้เนื้อร้อง
หนาน - ภูมิรัตน์ ฤาแก้วมา (กลอง) "ผมแบ่งความคิดเพลงนี้เป็น 3 พาร์ทเพื่อให้คนฟังได้รับรู้ว่าแต่ละช่วงเกิดอะไรขึ้นเช่น พาร์ท solo ตอนแรกใช้ดนตรี 3 พยางค์เพื่อให้รู้สึกซอฟต์ลง ให้เหมือนกับคนที่กำลังนั่งคิดเรื่องดีๆที่ผ่านมา, พาร์ท solo ครึ่งหลัง หนักขึ้นเปรียบเสมือนคนที่กำลังสับสนมีเหตุการณ์สะเทือนใจ และพาร์ทที่เปลี่ยนคีย์ขึ้นมา ใช้ท่อนร้องส่งเป็นสามพยางค์ ว่า 'เราคงทำดีที่สุดแล้ว' แล้วก็ยกคีย์ขึ้นเปรียบเสมือนคนที่ตัดสินใจได้ว่าความสัมพันธ์นี้ควรจะยุติลง (หลุดพ้นแล้ว) ไฮแฮชจากเดิมปิดเปลี่ยนเป็นเปิด เหมือนกับการสาดอารมออกไปว่าที่ผ่านมาเราทำดีที่สุดแล้วจริงๆ"
มิกซ์ - กิตติคุณ ผาดี (กีต้าร์) และ ฉายา - นวพล โพธิอำพล (กีต้าร์) "เรื่องการใช้ sound การเล่นกีตาร์บิ้วตกแต่งตัวเพลงให้มาก เช่น เอฟเฟ็คต์แอมเบียนต่างๆ มากกว่าการเลือกเล่นเทคนิคหรือความซับซ้อน ซึ่งจะโดดเด่นมากในแนวทางของวง Mind be better ที่กีต้าร์จะมีหลากหลายรูปแบบ ที่หยิบเอาสิ่งดีๆในแนวดนตรีจากทุกๆสไตล์ทั่วโลกมาใช้งาน ทางด้านการใช้ทางคอร์ดและสำเนียงในสไตล์ pop jazz ซึ่งให้ความละมุนกับตัวเพลงและมีความสวยงามในการเล่น"
เบส - พิชิตพล สอนโกษา (เบส) "ทดลองอัดพร้อมกับกลอง เพื่อจะสื่อให้เหมือนกับคนที่กำลังเดินแบบหมดแรง เพราะการที่เสียงกลองตรงจังหวะ 100% จะทำให้ไม่รู้สึกถึงคนที่กำลังเดินแบบหมดแรง เบสเลยอัดพร้อมกับกลองเพื่อเล่นเป็นสัดส่วนซัพดิวิชั่นให้เข้ากับกลองที่ไม่ตรงจังหวะ ไม่มีความสับซ้อนในการเล่นและใช้ซาวน์ที่ไม่หนามาก เพื่อให้เพลงโปร่งขึ้น โดยเบสแบ่งเป็นสองพาร์ท โดยพาร์ทสอง(ตอนท้าย) เล่นเป็นตัวดำเพื่อให้รู้สึกถึงความแข็งแรง เหมือนกับเพลงที่หนักแน่นขึ้นแล้วในฮุคสุดท้ายว่าเราควรพอแล้ว เราทำดีที่สุดแล้ว"
สำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตช่างโหดร้ายเสียจริง ลองเข้าไปฟังเพลงของ Mind be better อาจช่วยฮีลใจให้เบาสบายโล่งขึ้น บางคนอาจกระซิบว่า 2 เพลงยังแรงไม่พอ ถ้าอย่างนี้พวกเขาทั้งห้าต้องเร่งผลิตซิงเกิ้ลออกมาให้ครบอัลบั้ม EP หรือ LP ให้ไวแล้ว
ติดตามข่าวสารและผลงานของพวกเขาได้ทาง
เพจ
https://web.facebook.com/mindbebetter
ยูทูป
https://www.youtube.com/@Mind.be.better
.


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น