SAEN INDIE การปล่อยพลังของเหล่าวงอินดี้บางแสน

 สัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีปรากฎการณ์เล็กๆทางดนตรีท้องถิ่นเกิดขึ้นเมื่อนักร้องนักดนตรีบางแสน รวมถึงผู้ประกอบการนักธุรกิจท้องถิ่น ร่วมมือกันจัดงานดนตรีนอกกระแสบริเวณชายหาดวอนนภา (บางแสนล่าง) มีวงดนตรีหลายสไตล์ตั้งแต่โฟล์คซองฟังสบายๆ ไปจนถึงนูเมทัล ฮาร์ดคอร์ รวม 15 วงที่ประกาศตนเองว่าเป็นวง Made in Bangsaen และทุกวงมีผลงานเพลงของตัวเอง


งานดนตรีนอกกระแสในบางแสนครั้งนี้มีชื่อว่า SAEN INDIE (แสนอินดี้) จัดในวันอังคารที่ 7 และวันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 16:00 – 24:00 น. ภายในพื้นที่ของ Bora Bora ร้านอาหารริมหาดวอนนภา บัตรราคา 300 บาท (early bird 200 บาท, หน้างาน 400 บาท)

SAEN INDIE เป็นโปรเจ็กต์ที่ใช้เวลาเตรียมงานค่อนข้างน้อย มีจุดกำเนิดมาจากคลื่นอารมณ์งของนักดนตรีบางแสนซึ่งผิดหวังที่ house band ไม่(ค่อย)ได้มีส่วนร่วมในเทศกาลดนตรีใหญ่ครั้งแรกของบางแสนที่จัดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทั้งที่มีการประกาศรับสมัครและแจ้งผลคัดเลือกวงดนตรีท้องถิ่นที่จะได้ขึ้นแสดงฝีมือบนเวทีเล็กของมิวสิคเฟสติวัลดังกล่าวไปแล้วแต่ถูกยกเลิกด้วยเหตุผลบางประการ

วันที่ 20 มกราคม กลางดึกเวลา 01:49 น. ได้มีโพสต์บนเฟสบุ๊กส่วนตัวของนักดนตรีคนหนึ่ง ใจความว่า “พูดก็พูดนะ บางแสนเรามีวงดนตรีดีๆเยอะนะ  ถ้าจะมีสักงานนึงที่เรามารวมกันเล่นด้วยกันสักวัน จะมีพี่ๆน้องๆวงไหนอยากมาเล่นด้วยกันบ้างครับ  #อยากจัดเองว่ะ  #แทบจะไม่มีค่าตอบแทนให้เลยแต่อยากจัดอ่า เอาแบบมากันหมดอ่า ไม่แบ่งแนว มากันให้หมด งานดนตรีที่แม่งเป็นดนตรีจริงๆอ่า ได้ป่ะ

ถึงแม้เป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่นอนหลับไปแล้ว แต่คงเพราะนักดนตรีนอนดึก เพิ่งกลับจากเล่นดนตรีตามร้านกลางคืน จึงมีคอมเมนต์ตามหลังไหลทะลักอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนทุกคนเห็นด้วย

วันที่ 30 มกราคม ชื่อโครงการ SAEN INDY (ก่อนเปลี่ยนเป็น SAEN INDIE) ถูกประกาศออกมาบนสื่อโซเชียล พร้อมการชี้แจงขั้นตอนดำเนินงานอาทิ รวมเฮดจัดงานส่วนต่างๆ กำหนดวันเวลา ขออนุญาตสถานที่จัดงาน จัดตารางวงและเวลาโชว์/ซาวน์ดเช็ค จัดเตรียมเครื่องเสียง ติดต่อขอสปอนเซอร์ เปิดเพจเพื่อประชาสัมพันธ์ ประสานงานผลิตภัณฑ์ของศิลปินที่วางจำหน่ายในงาน แจ้งราคาบัตรเข้างาน และตบท้ายว่า “งานอินดี้บางแสน ก็ต้องวงบางแสนเล่นดิ บางแสนดินแดนแห่งเสียงเพลง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ เปิดตัวเพจ SAEN INDIE สู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ก่อนโพสต์รายละเอียดของงานอีกสองวันต่อมา (8 ก.พ.66) “ครั้งแรกในบางแสน ขอเชิญชวนสาวกอินดี้มาเสพดนตรีสุดคลีน งานดนตรีอินดี้ริมชายหาดที่ชิลล์ที่สุด รวบรวมศิลปินฝีมือดีสรรสร้างเพลงนอกกระแสสำหรับคอเพลงอินดี้ตัวจริงเท่านั้น


มหาวิทยาลัย...จุดกำเนิดของวงดนตรีอินดี้บางแสน

ความเป็นมาของดนตรีอินดี้บางแสนต้องย้อนเวลาไปหลายสิบปีตั้งแต่สมัยที่มหาวิทยาลัยบูรพายังใช้ชื่อ “มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน” (ซึ่งเปลี่ยนมาจาก “วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน”) สถาบันอุดมศึกษาของรัฐแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย

รอบๆมหาวิทยาลัยเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ค่อนข้างเงียบสงบไม่มีแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานบันเทิงมากมายเหมือนปัจจุบัน วัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาจากประเทศต้องหากิจกรรมยามว่างทำนอกเหนือการเรียน หนึ่งในนั้นเป็นการเล่นดนตรี อาจเริ่มเล่นสนุกๆกับเพื่อนฝูง หรือจับกลุ่มฟอร์มวงเพื่อเล่นในงานรับน้องและกิจกรรมอื่นๆที่จัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย

ต่อมาพื้นที่รอบๆมหาวิทยาลัยเริ่มเจริญเติบโตขยายตัวเชิงเศรษฐกิจ ธุรกิจหลายประเภทถูกเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนช่วงปลายถนนลงหาดบางแสนก่อนถึงวงเวียนยินดีต้อนรับ และถนนเส้นเล็กๆเลียบหาดวอนนภา

จากวงดนตรีสมัครเล่นที่เล่นกันเองฟังกันเองภายในมหาวิทยาลัย แปรเปลี่ยนเป็นนักดนตรีอาชีพที่เล่นขับกล่อมสร้างความบันเทิงให้กับนักเที่ยวกลางคืนตามร้านรวงต่างๆ บางวงพัฒนาฝีมือจนมีผลงานเพลงของตัวเอง หนึ่งในนั้นที่กลายเป็นตำนานวงอินดี้บางแสนยุคแรกๆได้แก่ Playground 


อินเทอร์เนทีฟร็อควงนี้เริ่มฟอร์มวงประมาณปี 2545 ติ๊ก-กฤษติกร พรสาธิต (ร้องนำ), ตุ้ย-วัชระ ชัยพันธุ์ (กีต้าร์) และ เก้ง-ปรัชญา คำเมือง (เบส) เรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา แม้อยู่ต่างคณะแต่มีจุดร่วมคือรักดนตรีเหมือนกัน ต่อมาได้ น็อต-นุชา สุพานิช ในตำแหน่งมือกลอง(ขณะนั้น) ทั้งสี่เล่นดนตรีตามที่ต่างๆ แต่จุดหักเหสำคัญคือเข้าร่วมงานประกวดวงดนตรีของ SUNSHINE RADIO คลื่นวิทยุพัทยา และได้ทำเพลงใหม่เพื่อไปแสดง หนึ่งในนั้นคือ "ปล่อยวาง" ซึ่งได้กลายเพลงฮิตอมตะของ Playground 

ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพจ Playground Band ได้ย้อนอดีตโพสต์ภาพโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานแสดงของวง ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคม 2545 ที่โรงอาหารภายในมหาวิทยาลับบูรพา และแจ้งด้วยว่ามีเนื้อเพลง “ปล่อยวาง” แจกฟรีที่หน้างาน และเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ทางวงได้จัดงาน TUNE IN TO COLLEGE SOUND ขึ้นที่ร้าน CHAIYO Bangsaen นอกจาก Playground แล้วยังมี Poomjit, Jesse Mekwattana และ Add Friends วงอินดี้บางแสนร่วมแสดงด้วย โดยเพจได้โพสต์ถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า "มินิมิวสิคเฟสที่เราตั้งใจจัดกันเองเพื่อนึกถึงสมัยเรียนที่ทำคอนกันเองกับเพื่อนๆแล้วความรู้สึกสนุกแค่ไหน ....และไม่มีที่ไหนน่าจัดไปกว่าบางแสน จุดเริ่มต้นของพวกเรา"

นับจาก Playground ถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วมสองทศวรรษ วงดนตรีอินดี้บางแสนเติบโตและพัฒนาไปมาก วงใหม่ๆยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ หลายวงมองหาเส้นทางที่จะเดินต่อไปในฐานะมืออาชีพ หลายวงมีอัลบั้มและสินค้าที่ระลึกของตัวเอง หลายวงมีโอกาสแสดงฝีมือในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด บางวงถึงขั้นโกอินเตอร์และเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างประเทศอย่างวง Khana Bierbood (คณะเบียร์บูด)


วันแรกของคอนเสิร์ต SAEN INDIE EP.1

งานดนตรีนอกกระแส SAEN INDIE เมื่อวันที่ 7-8 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากคนรักดนตรีราว 200-300 คนที่เข้ามาสัมผัสบรรยากาศงานสองวัน ส่วนใหญ่เป็นคนบางแสนและละแวกใกล้เคียง แต่ก็มีเดินทางมาจากพัทยาและแปดริ้ว รวมถึงชาวต่างชาติด้วย

SAEN INDIE เปิดเวทีด้วยเพลงฟังสบายๆเพราะๆจาก Fung Her (ฟังเหอะ) วงโฟล์คคู่หนุ่มสาว ลูกกวาด-กันติชา สมาชิกคนหนึ่งของทีมโจอี้บอยในรายการ เดอะ วอยซ์ ซีซั่น 5 และ ถนอม-กฤษฎา นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ฝีมือดีในบางแสน ซึ่งชักชวนนักดนตรีรับเชิญมาร่วมสร้างความสมบูรณ์ให้กับโชว์ของพวกเขา


ตามด้วย Ride Away สองหนุ่มที่นิยามตัวเองว่าเป็นวงป็อปที่ถ่ายทอดเสียงเพลงในรูปแบบอะคูสติก โดย Ride Away แชร์เวลาแสดงครึ่งหนึ่งร่วมกับ Kiriyajit วงฟิวชันแจ๊สที่โดดเด่นและสร้างความต่างด้วยเสียงทรัมเปต



งานเข้าสู่ช่วงหัวค่ำหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดีกรีดนตรีเริ่มหนักขึ้นประเดิมด้วย Mind Wanders วงดรีมป็อปที่มีกลิ่นไอชูเกซ พวกเขาออกอัลบั้มชุดแรก Good Trip เป็นเพลงภาษาอังกฤษเมื่อปี 2562 ตอนนี้กำลังเริ่มทำอัลบั้มที่สามหลังเพิ่งส่งอัลบั้มเพลงไทย Made In Pain ให้ฟังทางออนไลน์ช่วงต้นปี ส่วนซีดีกำลังอยู่ระหว่างการผลิตของโรงงาน


ลำดับห้าคือ 00.01 (ศูนย์ศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง หรือ Midnight to One Minute) วงอินดี้ป็อปที่ทำเพลงเพราะๆออกมาหลายเพลงระหว่างปี 2560 – 2563 ก่อนหายไปพักหนึ่งช่วงโควิด ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว และเพิ่งร่วมประกวดวงดนตรี Jameson Connects Award Season 2 ซึ่งมีชื่อติดรอบสิบวงสุดท้าย


Hit and Run วงซินธ์ป็อป ซึ่งคว้าตำแหน่งชนะเลิศจาก Jameson Connects Award Season 1 เมื่อปีที่แล้ว ขึ้นเวทีตามมาเป็นลำดับหก แม้เป็นวงอินดี้บางแสนแต่เป็นที่คุ้นเคยของนักฟังเพลงกรุงเทพฯ พวกเขาไปเล่นบ่อยครั้งที่เมืองหลวง รวมถึงเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ Cat Radio, Guitar MAG, FungJai และออกบู๊ธงาน Cat T-Shirt  และ Cat Expo พวกเขามีเพลงให้ฟังทางสตรีมมิ่งมากมาย และน่าจะออกอัลบั้มซีดีภายในปีนี้


วงรองสุดท้ายของวันแรก Mind be Better วงป็อปร็อคที่มีส่วนผสมของ sub-genre หลากหลาย นำเสนอพาร์ทดนตรีที่น่าสนใจทีเดียว รวมถึงเนื้อเพลงที่พวกเขาบอกว่า อยากสร้างเพลงที่ให้พลังใจแก่ผู้ฟัง อยากให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้น ฮีลใจในเรื่องต่างๆ หรือค้นหาแง่มุมที่ดีในวันที่ใจมืดมิด


 SAEN INDIE ส่งคนดูกลับบ้านด้วยความคึกคักของดนตรีเร็กเก้จากวง Paracetamol ซึ่งเกิดจากนิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่รวมตัวเมื่อปี 2556 และยึดมั่นดนตรีสายเขียวอย่างเหนียวแน่นจนกระทั่งเซ็นสัญญากับค่ายเพลงอิสระ E-Record และออกอัลบั้มแรก “ห้องทดลอง”  ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว


วันที่สองของคอนเสิร์ต SAEN INDIE EP.1

ผู้จัดงาน SAEN INDIE เคยบอกว่าใช้ mood หรืออารมณ์ดนตรี เป็นแนวทางเลือกและจัดเรียงวงสำหรับโปรแกรม line-up ทั้งสองวัน และสำหรับวันสุดท้ายจะถูกใจคนชอบฟังเพลงหนักๆมากเป็นพิเศษ แต่อุ่นเครื่องด้วยดูโอป็อปใสๆแบบเด็กเนิร์ด Add Friends มีความหนักระดับปานกลาง ก่อนเพิ่มดีกรีขึ้นมาด้วย Analog วงโฟล์คเพื่อชีวิตที่ปกติมีสมาชิกหลักสองคน แต่งานนี้ได้ชักชวนเพื่อนพ้องน้องพี่มาร่วมแจมเพื่อความสมบูรณ์ของภาคดนตรีอีกสามคนในตำแหน่งเบส กีต้าร์ และไวโอลิน 


Analog เป็นวงหนึ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูมากๆ เพราะส่วนใหญ่น่าจะเพิ่งมีโอกาสฟังการถ่ายทอดอารมณ์เพลงของเตชินท์สดๆเป็นครั้งแรก rพวกเขาปิดท้ายเพลย์ลิสต์ด้วยเพลง “ก่อน” ของวง The Darkest Romance จนเจ้าของเพลงมาคอมเมนต์คลิปที่ลงหลังงานว่า “ถ่ายทอดได้สวยงามมากครับ ขอบคุณที่เลือกและมองเห็นเพลงของพวกเรานะครับ” ขณะที่ Analog ก็ปากหวานไม่แพ้กัน ตอบกลับไปว่า “เพลงพี่ๆมีพลังมาก ขอบคุณที่เขียนเพลงดีๆออกมาครับ รัก และรอติดตามนะครับผม”


วงการดนตรีอินดี้บางแสนไม่เพียงมากด้วยจำนวนแต่ยังหลากหลายสไตล์ รวมถึง Dumb Surfer ที่เป็นวงเซิร์ฟพังค์สี่ชิ้นที่เล่นได้หนักแน่นมาก อีกทั้งยังสร้างความบันเทิงให้คนดูแบบสุดๆด้วยลีลากวนโอ๊ย พวกเขาทำเพลงออกมามากพอที่จะรวมเป็นอัลบั้ม ชื่อเพลงก็สุดแสบอย่างเช่น BANGSAEN B**CH, เราเท่กว่าผัวเธออีก, เธอใส่เสื้อวงที่เธอไม่เคยฟัง, ความXXXXของเธอแค่นิ้วก็คงไม่พอ, ขวด ที่มีเนื้อร้องว่า "ถ้ามีเงิน 100 บาท ฉันจะเอาไปซื้อเบียร์ขวด เอามาหวดหน้าเธอ"


ต่อจากเซิร์ฟพังค์ งานเพิ่มวอลุ่มหลายสิบเดซิเบลกับ High x Voltage วงฮาร์ดคอร์พังค์ชลบุรี ที่โด่งดังพอประมาณในแวดวงอันเดอร์กราวน์ พวกเขาออกผลงานมาแล้วสองชุดคือ Nothing but Fascism (7 เพลง) และ Watching You (3 เพลง) เนื้อหาดุดันด้วยบทวิพากษณ์วิจารณ์สังคมการเมือง


ลำดับห้าคือ Niyom Khom (นิยมขม) วงอัลเทอร์เนทีฟร็อคที่สร้างสรรค์ดนตรีได้น่าจับตามาก มีกลิ่นไอดนตรีหลากหลายผสมผสานอย่างลงตัว เพิ่งรวมตัวปลายปี 2562 ผ่านไปไม่กี่เดือนก็สามารถเอาเพลงตัวเองมาเล่นได้ทั้งโชว์ ก่อนเป็นศิลปินภายใต้สังกัด E-Record ในเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นวงที่มี Live Show ที่มันส์ในอารมณ์ ตอนนี้กำลังเข้าห้องอัดเพื่อบันทึกเสียงอัลบั้มแรกพร้อมทำอัลบั้มสองไปด้วย


มาถึงวงรองสุดท้าย Saifon (สายฝน) ที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งใน “ของดีบางแสน” พวกเขาเล่นด้วยกันตั้งแต่เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพาประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว และยังจับกลุ่มอย่างเหนียวแน่น พัฒนาฝีมือทางดนตรีได้ดีอย่างเหลือเชื่อ จัดตัวเองในหมวดโพสต์ร็อค แต่จุดเด่นคือ “แอมเบียนต์” ที่เน้นรูปแบบเสียงมากกว่าเมโลดี้เพื่อสร้างบรรยากาศ อารมณ์ และสภาวะจิตใจของคนฟัง เป็นอีกวงที่ performance บนเวทีแข็งแกร่งมาก


ร่ำลา SAEN INDIE ด้วย Fortamaya วงนูเมทัล ฮาร์ดคอร์ ภายใต้สังกัด Blackat Records ของ “เอส กล้วยไทย” พวกเขาคร่ำหวอดอยู่ในวงการใต้ดินหลายปี เคยออกอัลบั้มอีพี Systemfailure 2084 เป็น Concept Album เนื้อหาได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมระดับโลก 1984 ของจอร์จ ออร์เวลล์ ที่ดังและถูกพูดถึงมากในเมืองไทยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแม้ไม่ใช่หนอนหนังสือก็คงพอรู้จักบ้าง


แล้วก็เป็นไปตามที่ผู้จัดงานเคยบอกไว้ว่า SAEN INDIE เรียงร้อยลำดับวงที่ขึ้นเวทีด้วย mood ซึ่ง Fortamaya ก็พาอารมณ์ไปสู่จุดพีคสุดด้วยซาวน์ด นูเมทัล ฮาร์ดคอร์ ให้คนดูปลดปล่อยอารมณ์ด้วยมอชพิตหน้าเวทีบนพื้นทรายนานกว่าครึ่งชั่วโมง


เสียงสะท้อนด้วยความอิ่มใจจากศิลปินอินดี้บางแสน

จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด การทำงานเบื้องหน้าเบื้องหลังที่เหนื่อยกายแต่ไม่หนักใจ รวมถึงตัวเลขบนบัญชีไม่เป็นสีแดง ทำให้ SAEN INDIE EP.2 จะเกิดขึ้นตามมาภายในปีนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก


เต้ย-ดุษฎี มือกีต้าร์และซินธิไซเซอร์ของ Hit and Run โพสต์บนเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า “SEAN INDIE เหมือนเป็นงานรวมรุ่น รวมญาติ ที่อบอุ่นที่สุดมากๆงานหนึ่ง ในฐานะศิลปินที่เคยออกไปพเนจรในหลายๆที่ งานนี้เป็นหนึ่งในงานที่ผมรู้สึกสนุก ดีใจ และผูกพันกับมันมากจริงๆ และยังได้พิสูจน์อะไรบางอย่าง ว่าพวกเราศิลปินบางแสนทำได้จริงๆ ก้าวนี้มันยิ่งใหญ่และมีความหมายมากๆ กับหลายคน หลายกลุ่ม และหลายศิลปินในบางแสน”

“ตลอดสองวันที่ผ่านมา ผมเองสัมผัสได้ถึงพลังที่ถูกเก็บ อัดอั้น ไว้นาน ถูกปล่อยออกมาเป็นเสียงที่ต่างคนต่างวงเชื่อมสู่คนฟังที่มาในงานนี้ มันไม่มีว่าวงไหนดีกว่าหรือแย่กว่า มันมีแต่คำว่าทุกคนทำในสิ่งที่ตัวเองเป็น ผมว่าแค่นี้มันก็มีความหมายมากกว่านั้นแล้ว”



แจม-สุธาศิน นักร้องนำและมือกีต้าร์ของ Mind Wanders ก็แสดงความรู้สึกออกมาเช่นกันว่า “พลังจากวงดนตรี Local บางแสน ที่บ่มกันเป็นพลังเงียบๆกันมานานก็พร้อมใจทำให้เกิดขึ้นมาเป็นงานนี้ ถึงจะอยู่ในสถานที่ที่ชิลๆ แต่แนวเพลงของทุกวงนั้นกลับมีทุกแนวให้เหล่าคนฟังได้เลือกสรร ซึ่งทุกเพลงของแต่ละวงที่เล่นนั้น เป็นเพลงที่แต่งขึ้นและทำกันเองจริงๆ”

“ทุกวงได้ปล่อยของที่ตัวเองมีออกมากันอย่างสุดพลัง ใบหน้าของทุกคนที่อยู่บนเวที ณ ช่วงเวลานั้น ทุกคนมีความสุขกับการเล่นดนตรีมากๆในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ความสุขที่พวกเราได้นำเสนอผลงานของตัวเอง ไลน์กลอง เบส กีต้าร์ ร้อง ที่พวกเราคิดและสร้างมันขึ้นมาเอง ที่สำคัญ ทุกวงคือเก่งกันมากๆจริงๆ แถมเหล่าผู้ชมคนดู ก็พร้อมที่จะเปิดใจให้กับดนตรีของพวกเราก็เต็มที่ไม่ต่างจากนักดนตรีที่ขึ้นไปเล่นด้วยเช่นกัน”

“2 วัน กับ 15 วง ถามว่าพอกันไหม ผมคงตอบได้ว่าไม่พอหรอก เพราะบางแสน มีวงดนตรีที่ทำเพลงขึ้นมาเองอีกมากที่ยังไม่ได้ปล่อยของตัวเองออกมา ซึ่งถ้าทีมงาน SAEN INDIE ยังฟิต คงจะมี Phase 2 ในอนาคตอย่างแน่นอน”


ฐปน วันชูเพลา : เขียน

https://saensookbeat.blogspot.com/ 

https://web.facebook.com/BangsaenBeat 

https://web.facebook.com/bangsaensookpage 



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Camera Jr. กับจิตวิญญาณกระทำการพังค์

catnip. ลูกแมวหนึ่งขวบกับอัลบั้มแรก