The Wintage โฟล์คร็อคน้องใหม่จากเมืองชล

 ห้าหนุ่มอดีตนักเรียนร่วมรั้วโรงเรียนชายล้วนจังหวัดชลบุรีกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในนาม The Wintage เพื่อเดินเคียงข้างกันบนถนนสายดนตรีหลังจากสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิดคลี่คลายเมื่อปีที่แล้ว และได้ปล่อยซิงเกิ้ลให้ได้ฟังกันแล้วสองเพลงในสไตล์อัลเทอร์เนทีฟ-โฟล์คร็อคคือ "สมุดความฝัน" และ "มัชฌิมา"



The Wintage ประกอบด้วยสมาชิกห้าคน ซึ่งเคยเล่นดนตรีด้วยกันเมื่อแปดปีที่แล้วสมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนชลราษฎรอำรุง (ร.ร.ชลชาย) ได้แก่ วิน - ณัฏฐกฤติ ชวโรจน์ธีรกุล (กีตาร์,ร้องนำ), สเกล - เดชชนิน ชนินทร์เดช (กีต้าร์), เบนซ์ - ธนารัตน์ บุนนาค (กลอง), ออย - ปิยะชัย นัยนาภากรณ์ (เบส) และ เปา - พีรพล อัญชลี (แซ็กโซโฟน)

ช่วงครึ่งหลังของปลายปีที่แล้ว The Wintage ปล่อยผลงานออกมาสองเพลง เปิดตัวด้วย "สมุดความฝัน" เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ตามด้วย "มัชฌิมา" เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 บทเพลงทั้งสองสะท้อนความคิดที่มีต่อการใช้ชีวิตตามสไตล์โฟล์ค เพลงแรกเล่าถึงการกลับมาทำเพลงกันอีกครั้งตามความฝันของพวกเขา ซึ่งท่อนหนึ่งของเพลงเขียนว่า "นั่งคิดทุกวัน เวลาที่ผ่านมา, เราใช้มันไปกับอะไรที่ดีหรือยัง, ยังคิดทบทวน ความฝันที่เคยพูดไว้, ตอนนี้ตัวเรา ก้าวเดินถึงตรงไหน"


เพลง "สมุดความฝัน"


เบนซ์เป็นตัวแทนรับหน้าที่เล่าความเป็นไปเป็นมาของวงว่า "พวกเราเริ่มจากเล่นดนตรีในงานดนตรีของโรงเรียน (CRU Music Week) รวมวงกันเพื่อเล่นเอาความสนุกในช่วงมัธยมจนถึงการไปประกวดตามเวทีต่างๆ ซึ่งในตอนนั้นสมาชิกวงยังไม่ได้ลงตัวเหมือนปัจจุบัน ถ้าถามว่ารวมกันได้ยังไง สมาชิกในตอนแรก เบนซ์ (กลอง), เปา (แซ็ก), สเกล(กีตาร์) และ ออย (เบส) เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันตั้งแต่มัธยมต้นเลย แต่พี่วิน (ร้อง,กีต้าร์) จริงๆเป็นรุ่นพี่ ซึ่งพี่วินได้กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนชลชายก็ได้เป็นคนดูแลกิจกรรมดนตรีต่างๆในโรงเรียน และเป็นที่ปรึกษาชมรมดนตรีสากล รวมถึงเป็นครูในการซ้อมไปแข่งในเวทีต่างๆในตอนนั้น จนพวกเราสี่คนเรียนจบก็ได้คุยกันและรวมกันเล่นดนตรีต่อจนมาถึงปัจจุบัน"

พวกเขากลับมารวมตัวอย่างจริงจังอีกครั้งหลังสถานการณ์ไวรัสโควิดเริ่มคลี่คลายเมื่อปีที่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเคยแยกย้ายไประยะหนึ่งเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยและเข้าสู่ช่วงทำงาน




"ช่วงที่เบรกไปจริงๆเป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มจบมหาวิทยาลัย และแต่ละคนก็เริ่มทำงานในด้านของตนเอง ซึ่งแต่ละคนก็ทำงานกันคนละทิศทางเลยเช่น เบนซ์ทำงานเบื้องหลังดนตรีและเล่นแบ็คอัพ, เปาเล่นดนตรีกลางคืนและเป็นครูโรงเรียนเอกชน, สเกลทำงานประจำด้านโลจิสติกส์, ออยรับราชการทหารเรือ ส่วนพี่วินก็ยังเป็นครู พวกเรากลับมารวมกันช่วงก่อนโควิดเพราะเรานัดเจอกันบ่อยๆ พวกเราคุยกันว่าน่าจะเริ่มจริงจังกับการทำเพลงให้มีอะไรได้ติดตามกันบ้างแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มทำจนออกมาเป็นเพลงแรก เพลงสมุดความฝัน และเพลงมัชฌิมา"

ภาคดนตรีของ The Wintage ใครฟังแล้วอาจมีคำว่า Vintage ผุดขึ้นมาในความรู้สึกโดยเฉพาะซิงเกิ้ลเปิดตัว "สมุดความฝัน" มีกลิ่นไอของดนตรียุค 80's สามจุดคือ ไลน์กีต้าร์ที่ย้อนนึกถึง Mark Knopfler ของ Dire Straits กับเพลงเมกะฮิต Sultans of Swing ที่เป็นซิงเกิ้ลแรกของวงเมื่อปี 1978, เสียงรัวกลองไฟฟ้า ตึงๆๆๆๆ ยุค New Wave สาย Synth-Pop ที่วงร็อคสมัยนั้นหยิบไปใช้กันเพื่อสร้างความต่าง และเสียงแซ็กโซโฟนที่โผล่ขึ้นมาโซโล่ช่วงกลางเพลง ส่วนเสียงร้องเป็นสไตล์ที่ไม่ค่อยได้ยินกันแล้วกับศิลปินรุ่นปัจจุบัน น่าเป็นเอกลักษณ์หรือซิ๊กเนเจอร์ของวงคือ ได้ยินเสียงปุ๊บรู้เลยวงอะไร

เบนซ์พูดถึงแนวดนตรีของวงว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอบยากมากที่สุด ถ้าบอกแนวจริงๆพวกเราแต่ละคนมีความเป็นเพื่อชีวิต อัลเทอร์เนทีฟ ร็อคแอนด์โรล โฟล์คร็อค ซึ่งผสมๆกันอยู่ ส่วนที่มาของชื่อวง The Wintage นั้นได้มาจากแนวคิดที่ว่า ปัจจุบันมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นตลอด แต่สิ่งมันมีอยู่แล้วเก่าลง มันทำให้มีความคลาสสิกอยู่เสมอเมื่อมองไป ซึ่ง Vintage เป็นของเก่าที่มีคุณค่า พวกเราเลยตั้งชื่อว่า The Wintage โดยใช้ตัว W แทน V เพื่อความไม่เหมือนใคร และความหมายเปรียบเสมือนดนตรีเป็นสิ่งที่ไม่เคยเก่า และมีค่าสำหรับเราและคนฟังเมื่อมันอยู่ในช่วงเวลานึงของชีวิต"

ขณะที่ "สมุดความฝัน" เปรียบเสมือนการลุกขึ้นมาเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง "มัชฌิมา" มีเนื้อเพลงคล้ายกับจะบอกตัวของพวกเขาเองว่า "ใช้ชีวิตเชื่องช้า แต่อยู่บนทางที่มั่นคง มีความสุขในทุกวัน ตามกาลเวลา" เปรียบเสมือน mind-map บนเส้นทางที่เพิ่งเริ่มต้นเดินโดยไม่รู้ว่ายาวไกลและต้องเจอความสุขความเศร้าอะไรบ้าง


เพลง "มัชฌิมา"



มือกลองหนุ่มอธิบายถึงคอนเซ็ปท์ของเพลงทั้งสองว่า "สมุดความฝัน เพลงของเราไม่ใช่เพลงตลาดหรือเพลงแมส แต่เป็นเพลงที่เล่าถึงความฝันในการที่เรากลับมาทำผลงานของวงกันต่อ ส่วนมิชฌิมา เพลงนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปเจอร้านกาแฟที่ชื่อ มัชฌิมา แล้วคุยกันว่าชื่อนี้ดูแปลกดี พวกเราก็เลยหาความหมายมันและพบว่า เป็นความหมายที่ดีกับยุคสมัยนี้ที่คนส่วนมากใช้ชีวิตเร่งรีบ จนลืมไปว่าชีวิตคนเราก็ต้องหย่อนบ้าง คลายบ้าง ปล่อยวางบ้าง ชีวิตจะได้ไม่ตึงเกินไป"

หลังปล่อยผลงานสองเพลงแรกเมื่อปีที่แล้ว อะไรจะตามมาจาก The Wintage ในปีพ.ศ.2566 "จริงๆเราวางแผนว่าจะเริ่มปล่อยเพลงกันสองเดือนครั้ง บวกกับเริ่มทำเสื้อให้เป็นของที่ระลึกและมีเรื่องราวได้ติดตามกัน ถ้าเพลงมากพอก็อาจจะจัดงานเล่นดนตรีกันเล็กๆที่เซฟเฮาส์ของพวกเราครับ สุดท้ายนี้ขอฝากวง The Wintage ด้วยนะครับพวกเราจะตั้งใจทำผลงานให้มาฟังกันบ่อยๆ"


ช่องทางติดตาม Social Media ของวง The Winatge


Facebook : https://www.facebook.com/thewintage01


Instagram : https://www.instagram.com/thewintageband/


Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCPvEKXCnOmdVLBiZ0fFRX2Q


Fungjai : https://www.fungjai.com/artists/the-wintage

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mutation Wave ทรรศนะเฟี้ยวๆของโปรโมเตอร์ดนตรี

Camera Jr. กับจิตวิญญาณกระทำการพังค์

คุยยาวๆกับ MCZ ทาสแมวกับ demo album แรกของเขา